ศิลปะแห่งชาเขียวญี่ปุ่น: คู่มือสำหรับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมัทฉะ เกียวคุโระ และอื่นๆ | อุณหภูมิ รสชาติ และประเพณี

ศิลปะแห่งชาเขียวญี่ปุ่น: คู่มือสำหรับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมัทฉะ เกียวคุโระ และอื่นๆ | อุณหภูมิ รสชาติ และประเพณี

ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งน่าสนใจ! โลกแห่งชาเขียวญี่ปุ่นที่ทั้งดั้งเดิมและมีหลักการทางวิทยาศาสตร์รองรับ

ชาเขียวญี่ปุ่นและกาน้ำชา

ชาเขียวญี่ปุ่นเป็นเครื่องดื่มที่มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นและมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี มีการนำชาเข้ามาจากประเทศจีนในสมัยนารา และกลายเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงในสมัยเฮอัน ก่อนที่จะแพร่หลายไปสู่ประชาชนทั่วไป

ผู้คนจำนวนมากมักค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ ชนิดของชาเขียวญี่ปุ่น โดยเฉพาะความแตกต่างระหว่าง เซ็นฉะกับเกียวคุโระ หรือคุณสมบัติของ โฮจิฉะและมัทฉะ นอกจากนี้ ยังมีคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น “ชาชนิดใดมีคาเทชินสูงที่สุด?” หรือ “ชาที่มีคาเฟอีนน้อยที่สุดคืออะไร?”

แม้ว่าชาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดจะเป็นเซ็นฉะและเกียวคุโระ แต่ความจริงแล้วชาเขียวญี่ปุ่นมีหลากหลายประเภท ทั้งชาที่ผ่านกระบวนการนึ่ง ชาหมัก และชาที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบพิเศษ ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันได้มากมาย

ชาเขียวญี่ปุ่นยังได้รับความสนใจในแง่ของ ประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากมี คาเทชิน (Catechin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน ในขณะที่ ธีอะนีน (Theanine) เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

ในบทความนี้ เราจะอธิบายประเภทของชาเขียวญี่ปุ่นในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมแนะนำลักษณะเด่นและแหล่งผลิตที่สำคัญ หลังจากอ่านจบแล้ว คุณจะสามารถเลือกชาที่เหมาะกับตัวเองได้อย่างมั่นใจ

ประเภทของชาเขียวญี่ปุ่น – ทำความเข้าใจพื้นฐานผ่าน 4 ประเภทหลัก

ใบชา

ชาเขียวญี่ปุ่นสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้:

  1. ชาเขียว (ชาที่ไม่ผ่านการหมัก): ชาที่ผ่านกระบวนการนึ่งเพื่อหยุดการเกิดออกซิเดชัน (เช่น เซ็นฉะ, เกียวคุโระ)
  2. ชาเซมิ-เฟอร์เมนต์ (ชาที่หมักบางส่วน): ชาที่กระบวนการหมักถูกหยุดกลางคัน (เช่น คะมาอิริฉะ)
  3. ชาหมัก (ชาที่ผ่านการหมักเต็มที่): ชาที่ผ่านกระบวนการหมักเป็นระยะเวลานาน (เช่น อะวะบันฉะ, โกะอิชิฉะ)
  4. ชาที่ผ่านกระบวนการพิเศษ: ชาที่ใช้เทคนิคการผลิตที่แตกต่างจากชาแบบดั้งเดิม (เช่น มัทฉะ, ชาผง, ชาน้ำเย็น)

ต่อไป เราจะพาคุณไปรู้จักชาแต่ละประเภทในรายละเอียดมากขึ้น

1. ชาเขียว (ชาที่ไม่ผ่านการหมัก) – ประเภทที่นิยมมากที่สุด

ชาเขียวเป็น ชาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในหลายครัวเรือน จุดเด่นของชาเขียวคือ กระบวนการนึ่งใบชาเพื่อหยุดการเกิดออกซิเดชัน ทำให้คงสีเขียวสดและกลิ่นหอมเฉพาะตัวไว้ได้ รสชาติของชาเขียวมีความแตกต่างกันไปตามชนิดของชา เช่น ความหวาน ความฝาด หรือความหอมแบบคั่ว ซึ่งช่วยให้ผู้ดื่มเพลิดเพลินไปกับรสชาติที่หลากหลาย

ชาเขียวมีหลายประเภท เช่น เกียวคุโระ, เซ็นฉะ, ฟุคะมุชิเซ็นฉะ, ทะมะเรียวคุฉะ, คะริงะเนฉะ ซึ่งแต่ละชนิดมีวิธีการผลิตและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งวิธีการปลูกและการแปรรูปใบชายังส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติของชา ทำให้การเลือกวิธีดื่มหรือจับคู่กับอาหารกลายเป็นอีกหนึ่งความสนุกในการลิ้มรสชา

รายการชาเขียว (ชาที่ไม่ผ่านการหมัก)
ประเภทแหล่งผลิตหลักลักษณะเด่นอุณหภูมิที่เหมาะสม
เกียวคุโระเกียวโต (อุจิ), ฟุกุโอกะ (ยะเมะ)ชาระดับพรีเมียมที่มีรสอูมามิสูงและหวาน50°C
คะบุเซฉะมิเอะ, เกียวโต, คะโงชิมะรสชาติระหว่างเกียวคุโระและเซ็นฉะ60–70°C
เซ็นฉะชิซุโอกะ, คะโงชิมะ, มิเอะสมดุลระหว่างความฝาดและอูมามิ70–80°C
ฟุคะมุชิเซ็นฉะชิซุโอกะ, คะโงชิมะรสเข้มข้น ฝาดน้อย70°C
ทะมะเรียวคุฉะนางาซากิ, คุมาโมโตะรสหวาน กลิ่นสดชื่นคล้ายผลไม้ตระกูลส้ม70°C
คะริงะเนฉะเกียวโต, ฟุกุโอกะชาเขียวก้านชา รสอูมามิหอมสดชื่น70°C

เกียวคุโระ (玉露)

เกียวคุโระ

เกียวคุโระเป็น ชาระดับพรีเมียมที่ปลูกภายใต้ร่มเงา ก่อนเก็บเกี่ยว ทำให้มีปริมาณ กรดอะมิโน (อูมามิ) สูงขึ้น ชาที่มีชื่อเสียงที่สุดมาจาก อุจิ เกียวโต โดยมีรสชาติที่ หวาน เข้มข้น และหรูหรา

กระบวนการผลิต
พัฒนาขึ้นในอุจิในช่วงปลายยุคเอโดะ ใบชาจะถูก คลุมด้วยวัสดุธรรมชาติหรือผ้าสังเคราะห์เป็นเวลา 20 วันขึ้นไป เพื่อป้องกันแสงแดด วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณ คาเทชิน (ความฝาด) และเพิ่ม ธีอะนีน (รสอูมามิ)
แหล่งผลิตหลัก
เกียวโต (อุจิ), ฟุกุโอกะ (ยะเมะ)
พันธุ์ชา
ซาเอะมิโดริ: มีรสหวานเข้มข้น โกะโค: มีกลิ่นหอมลึกและอูมามิสูง
รสชาติและกลิ่น
อูมามิเข้มข้น หวาน และเนียนนุ่ม ไม่มีความฝาด กลิ่นหอมคล้ายสาหร่าย
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
อุดมไปด้วย ธีอะนีน ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย มีคาเฟอีนสูง เหมาะสำหรับดื่มเพื่อความตื่นตัว มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความงาม
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 50°C เพื่อดึงรสหวานและอูมามิออกมา หากเป็นน้ำชงที่สอง สามารถเพิ่มอุณหภูมิเป็น 60°C เพื่อสัมผัสรสชาติที่แตกต่าง
วิธีดื่มที่แนะนำ
เพื่อให้ได้รสอูมามิเต็มที่ ควรเสิร์ฟในถ้วยชาเล็กและจิบช้าๆ เกียวคุโระเข้ากันได้ดีกับ ขนมญี่ปุ่น เช่น โยกังและเนริคิริ ซึ่งช่วยขับรสชาติของชาให้เด่นชัดขึ้น
การจับคู่กับอาหาร
ขนมญี่ปุ่น (โยกัง, เนริคิริ), อาหารญี่ปุ่นชั้นสูง (ไคเซกิ, ซูชิ)

คะบุเซฉะ (冠茶)

คะบุเซฉะ แหล่งที่มา: Murozono Meicha (ยะเมะ, ฟุกุโอกะ)

คะบุเซฉะเป็น ชาที่ปลูกในที่ร่มคล้ายกับเกียวคุโระ แต่ใช้เวลาคลุมน้อยกว่า เป็นชา กึ่งกลางระหว่างเกียวคุโระและเซ็นฉะ โดยมีความสมดุลระหว่าง รสอูมามิและความฝาด

กระบวนการผลิต
ก่อนเก็บเกี่ยว ใบชาจะถูกคลุมเป็นเวลา 7–10 วัน เพื่อลดปริมาณคาเทชิน (ฝาด) และเพิ่มธีอะนีน (อูมามิ) มีรสชาติที่เบากว่าเกียวคุโระ และสดชื่นกว่า
แหล่งผลิตหลัก
มิเอะ, เกียวโต, คะโงชิมะ
พันธุ์ชา
โอะคุมิโดริ: รสหวานและกลมกล่อม ยะบุคิตะ: รสชาติสมดุล
รสชาติและกลิ่น
อูมามิและความฝาดในสัดส่วนที่ลงตัว หวานกว่าเซ็นฉะ แต่เบากว่าเกียวคุโระ มีกลิ่นสดชื่นแบบธรรมชาติ
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
อุดมไปด้วยธีอะนีน ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น คาเทชิน และวิตามินซี
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 60–70°C เพื่อดึงรสหวานและกลิ่นหอมออกมา ถ้าชงเป็นรอบที่สอง ควรเพิ่มอุณหภูมิเล็กน้อย
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหาร ชาที่มีรสหวานและอูมามิช่วยเสริมรสชาติของ ปลาย่างและอาหารญี่ปุ่นต้ม
การจับคู่กับอาหาร
ขนมญี่ปุ่นหวานน้อย (โดรายากิ, โมะนะกะ), อาหารญี่ปุ่นเบาๆ (ปลาย่าง, อาหารต้ม)

เซ็นฉะ (煎茶)

เซ็นฉะ

เซ็นฉะเป็น ชาเขียวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ปลูกกลางแจ้งและมีความสมดุลระหว่าง รสฝาดและรสอูมามิ มีกลิ่นสดชื่นของใบชา

กระบวนการผลิต
พัฒนาขึ้นในยุคเอโดะเป็น วิธีการผลิตชามาตรฐาน ของญี่ปุ่น โดยจะ นำใบชาไปนึ่งทันทีหลังเก็บเกี่ยว เพื่อหยุดกระบวนการออกซิเดชัน และคงสีเขียวสดของใบชา
แหล่งผลิตหลัก
ชิซุโอกะ (คิดเป็นประมาณ 40% ของการผลิตทั่วประเทศ), คะโงชิมะ, มิเอะ
รสชาติและกลิ่น
สมดุลระหว่างความฝาดและรสอูมามิ มีกลิ่นหอมสดชื่น
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 70–80°C เพื่อให้ได้รสชาติที่สมดุล
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มคู่กับ ซูชิและเทมปุระ หรือแช่เย็นดื่มในฤดูร้อนเพื่อความสดชื่น
การจับคู่กับอาหาร
อาหารญี่ปุ่น (ซูชิ, เทมปุระ), ขนมตะวันตก (ชีสเค้ก, คุกกี้)

ฟุคะมุชิเซ็นฉะ (深蒸し煎茶)

ฟุคะมุชิเซ็นฉะ

ฟุคะมุชิเซ็นฉะเป็นชาเซ็นฉะที่ผ่าน กระบวนการนึ่งนานเป็นพิเศษ ทำให้มี รสชาติเข้มข้นและฝาดน้อยกว่าปกติ

กระบวนการผลิต
พัฒนาขึ้นในชิซุโอกะในช่วงยุคโชวะ โดย ใช้เวลานึ่งใบชา 2–3 เท่าของเซ็นฉะปกติ ทำให้ชามีรสชาติที่เข้มข้นและกลมกล่อม
แหล่งผลิตหลัก
ชิซุโอกะ, คะโงชิมะ
รสชาติและกลิ่น
รสเข้มข้น นุ่มละมุน ฝาดน้อยกว่าปกติ น้ำชามีสีเขียวเข้ม
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 70°C เพื่อดึงรสหวานและความเข้มข้นของชา
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มในช่วงเช้าหรือเวลาผ่อนคลาย จับคู่กับขนมที่มีครีมหรือคัสตาร์ด จะช่วยเสริมรสชาติของชา
การจับคู่กับอาหาร
ขนมญี่ปุ่นรสเข้ม (ไดฟุกุ, โยกัง), ขนมที่มีครีม (ทาร์ตคัสตาร์ด, พุดดิ้ง)

ทะมะเรียวคุฉะ (玉緑茶)

ทะมะเรียวคุฉะ แหล่งที่มา: Sansuien Tea (ฮิโตโยชิ, คุมาโมโตะ)

ทะมะเรียวคุฉะเป็นชาเขียวที่ มีใบม้วนเป็นเกลียวแทนที่จะเป็นเข็มตรง ซึ่งทำให้มี รสชาติหวาน กลมกล่อม และมีกลิ่นสดชื่นแบบผลไม้ตระกูลส้ม นิยมปลูกในภูมิภาคคิวชู

กระบวนการผลิต
พัฒนาขึ้นในช่วงยุคเมจิในจังหวัดนางาซากิและคุมาโมโตะ ใช้วิธีการผลิตที่แตกต่างจากเซ็นฉะโดย ไม่ผ่านการรีดใบชาให้เป็นเส้นตรง ทำให้ใบชามีลักษณะม้วนเป็นเกลียว
แหล่งผลิตหลัก
นางาซากิ, คุมาโมโตะ
รสชาติและกลิ่น
รสหวาน กลมกล่อม มีความฝาดน้อย และมีกลิ่นหอมสดชื่นของผลไม้ตระกูลส้ม
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 70°C เพื่อให้ได้รสหวานและความสดชื่นของชา
วิธีดื่มที่แนะนำ
เนื่องจากมีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้ตระกูลส้ม สามารถเติมเลมอนหรือส้มฝานบางๆ ลงไปเพื่อเพิ่มความหอม นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับทำเป็นชาน้ำแข็ง (Iced Tea)
การจับคู่กับอาหาร
ขนมญี่ปุ่นที่มีรสเปรี้ยว (ขนมยูซุ, ไดฟุกุส้ม), อาหารญี่ปุ่นเบาๆ (ข้าวต้ม, โซเมนเย็น)

คะริงะเนฉะ (雁ヶ音茶)

คะริงะเนฉะ แหล่งที่มา: Matsuhoku - en (อุจิ, เกียวโต)

คะริงะเนฉะเป็นชาเขียวที่ ทำจากก้านใบของเกียวคุโระหรือเซ็นฉะคุณภาพสูง ทำให้มี รสอูมามิเข้มข้นและกลิ่นหอมสดชื่น

กระบวนการผลิต
พัฒนามาจากแนวคิดของ “ชาแบบก้าน” ซึ่งใช้ ก้านใบชา แทนใบอ่อนที่ใช้ทำเซ็นฉะ ทำให้ได้ชาเขียวที่มีรสอูมามิเด่นและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
แหล่งผลิตหลัก
เกียวโต (อุจิ), ฟุกุโอกะ (ยะเมะ)
รสชาติและกลิ่น
รสอูมามิเข้มข้น มีกลิ่นหอมสดชื่น ฝาดน้อย
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 70°C และชงอย่างช้าๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มกับ ขนมรสเค็ม เช่น ข้าวเกรียบญี่ปุ่น หรือขนมที่มีถั่ว สามารถทำเป็นชาน้ำแข็งในช่วงฤดูร้อนได้
การจับคู่กับอาหาร
ขนมรสเค็ม (เซ็มเบ้, ถั่วอบเกลือ), อาหารญี่ปุ่นที่มีรสอ่อน (ปลานึ่ง, เต้าหู้ต้ม)

2. ชาหมักบางส่วน – เสน่ห์ของคะมาอิริฉะ ชากึ่งอู่หลงของญี่ปุ่น

ชาหมักบางส่วนเป็น ชาที่กระบวนการหมักถูกหยุดกลางคัน ทำให้มีรสชาติที่อยู่ระหว่างชาเขียวและชาอู่หลง คะมาอิริฉะ (釜炒り茶) เป็นตัวอย่างของชาหมักบางส่วนที่โดดเด่นในญี่ปุ่น โดยมีความหอมคล้ายข้าวคั่วและรสชาติสดชื่น

แตกต่างจากชาอู่หลงของจีนที่ใช้กระบวนการอบไอน้ำ คะมาอิริฉะใช้การคั่วในกระทะแทนการนึ่ง ทำให้ได้กลิ่นหอมแบบคั่วและรสชาตินุ่มนวล

รายการชาหมักบางส่วน
ประเภทแหล่งผลิตหลักลักษณะเด่นอุณหภูมิที่เหมาะสม
คะมาอิริฉะคุมาโมโตะ, มิยาซากิกลิ่นหอมคั่วและรสสดชื่น80°C

คะมาอิริฉะ (釜炒り茶)

คะมาอิริฉะ แหล่งที่มา: Setoya Megumi Tea Farm (ฟุจิเอดะ, ชิซุโอกะ)

คะมาอิริฉะเป็น ชาหมักบางส่วนที่ไม่ผ่านการนึ่ง แต่ใช้ การคั่วในกระทะ ทำให้มี กลิ่นหอมคั่วอ่อนๆ และรสชาตินุ่มนวล

กระบวนการผลิต
ใช้วิธี คั่วใบชาด้วยกระทะแทนการนึ่ง เพื่อลดการออกซิเดชันของใบชา ทำให้ได้ชาที่มีกลิ่นหอมคล้ายข้าวคั่ว และมีรสชาติที่สดชื่น
แหล่งผลิตหลัก
คุมาโมโตะ, มิยาซากิ
รสชาติและกลิ่น
รสฝาดน้อย กลิ่นหอมคั่วแบบอ่อนๆ รสชาติสะอาด สดชื่น
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง คาเฟอีนน้อยกว่าชาเขียวทั่วไป ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 80°C เพื่อดึงกลิ่นหอมของชาออกมา แนะนำให้แช่ชาไม่นานเกินไปเพื่อป้องกันความขม
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มคู่กับ ขนมอบ, ถั่ว หรือขนมที่มีรสเค็ม นอกจากนี้ยังช่วยลดความเลี่ยนของอาหารมันได้ดี
การจับคู่กับอาหาร
ขนมอบกรอบ (บิสคอตติ, คัสเตลล่า), อาหารมันๆ (ปลาย่าง, อาหารทอด)

3. ชาหมัก – รสชาติที่ซับซ้อนจากการหมักแบบดั้งเดิม

ชาหมักเป็นชาที่ ผ่านกระบวนการหมักจนสมบูรณ์ ทำให้มีรสชาติที่ลึกซึ้งและซับซ้อน บางชนิดมีรสเปรี้ยวที่เกิดจากกระบวนการหมักแบบธรรมชาติ อะวะบันฉะ และ โกะอิชิฉะ เป็นตัวอย่างที่มีเอกลักษณ์ในญี่ปุ่น

ชาหมักบางชนิด เช่น อะวะบันฉะ และ โกะอิชิฉะ สามารถเก็บไว้นานขึ้น และรสชาติจะเปลี่ยนไปตามระยะเวลาการหมัก คล้ายกับชาผู่เอ๋อร์ของจีน

รายการชาหมัก
ประเภทแหล่งผลิตหลักลักษณะเด่นอุณหภูมิที่เหมาะสม
โฮจิฉะเกียวโต, ชิซุโอกะ, คะโงชิมะกลิ่นหอมคั่วและคาเฟอีนต่ำ90°C
เคียวบันฉะเกียวโตกลิ่นควันหอมเข้มข้น90°C
อะวะบันฉะโทกุชิมะรสเปรี้ยวจากการหมักแบบแลคติก80°C
โกะอิชิฉะโคจิหมักสองครั้ง มีรสเปรี้ยวและซับซ้อน90°C

โฮจิฉะ (ほうじ茶)

โฮจิฉะ

โฮจิฉะเป็นชาเขียวที่ ผ่านการคั่วจนมีสีน้ำตาลและกลิ่นหอมคั่วชัดเจน มีคาเฟอีนต่ำ ทำให้เหมาะกับการดื่มก่อนนอน

กระบวนการผลิต
นำใบชาเซ็นฉะหรือบันฉะไป คั่วที่อุณหภูมิสูง จนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และทำให้ได้กลิ่นหอมคั่วเฉพาะตัว
แหล่งผลิตหลัก
เกียวโต, ชิซุโอกะ, คะโงชิมะ
รสชาติและกลิ่น
กลิ่นหอมคั่วเด่นชัด มีรสอ่อนนุ่ม ฝาดน้อย คาเฟอีนต่ำ
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
คาเฟอีนต่ำ เหมาะสำหรับดื่มก่อนนอน หรือสำหรับผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำเดือด 90°C หรือมากกว่า เพื่อดึงกลิ่นคั่วของชาออกมา
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มคู่กับ ขนมที่มีถั่ว หรือช็อกโกแลต สามารถดื่มแบบเย็นในฤดูร้อนได้
การจับคู่กับอาหาร
ขนมอบ (บิสคอตติ, คุกกี้), ของหวานที่มีถั่วหรือช็อกโกแลต

เคียวบันฉะ (京番茶)

เคียวบันฉะ แหล่งที่มา: Obubu Tea Farm (วาซึกะ, เกียวโต)

เคียวบันฉะเป็นชาเขียวที่ ผ่านการคั่วแบบแรง ทำให้มีกลิ่นควันเข้มข้น รสชาติแตกต่างจากโฮจิฉะอย่างชัดเจน

กระบวนการผลิต
ใช้ใบชาและก้านชา คั่วที่อุณหภูมิสูงมาก จนเกิดกลิ่นคล้ายควัน ทำให้ได้ชาเขียวที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์
แหล่งผลิตหลัก
เกียวโต
รสชาติและกลิ่น
กลิ่นหอมควันชัดเจน ฝาดน้อย และดื่มง่าย
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
คาเฟอีนต่ำ ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และเหมาะสำหรับดื่มหลังอาหาร
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำเดือด 90°C หรือสูงกว่า เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มคู่กับ อาหารที่มีรสจัด เช่น ปลาเค็ม หรืออาหารรมควัน
การจับคู่กับอาหาร
ปลารมควัน, ชีสรมควัน

อะวะบันฉะ (阿波番茶)

อะวะบันฉะ แหล่งที่มา: Maebara Tea Farm (คัตสึอุระ, โทกุชิมะ)

อะวะบันฉะเป็น ชาหมักที่ใช้แบคทีเรียแลคติก ทำให้มีรสเปรี้ยวเล็กน้อยและกลิ่นหอมสดชื่น ถือเป็นชาโบราณของญี่ปุ่น

กระบวนการผลิต
ใบชาจะถูก นึ่งและหมักในถังไม้ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ก่อนนำมาตากแห้ง
แหล่งผลิตหลัก
โทกุชิมะ
รสชาติและกลิ่น
รสเปรี้ยวอ่อนๆ และหอมกลิ่นหมักจากแลคติก
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
มีจุลินทรีย์แลคติกที่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 80°C เพื่อให้ได้รสชาติที่นุ่มนวล
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มคู่กับ อาหารหมักดอง เช่น ผักดอง หรือโยเกิร์ต
การจับคู่กับอาหาร
ผักดอง, โยเกิร์ต

โกะอิชิฉะ (碁石茶)

โกะอิชิฉะ

โกะอิชิฉะเป็นชาเพียงชนิดเดียวของญี่ปุ่นที่ ผ่านการหมักสองครั้ง ทำให้มีรสเปรี้ยวและรสชาติที่ซับซ้อนมาก

กระบวนการผลิต
ใบชาจะถูก นึ่งและหมักด้วยเชื้อรา ก่อนจะหมักซ้ำด้วยแบคทีเรียแลคติก จากนั้นตากแห้งเป็นชิ้นเล็กๆ คล้ายหินโกะ
แหล่งผลิตหลัก
โคจิ
รสชาติและกลิ่น
รสเปรี้ยวอ่อนๆ และอูมามิที่เข้มข้น
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 90°C หรือสูงกว่า เพื่อให้ได้รสชาติที่สมบูรณ์
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับจับคู่กับ อาหารที่มีรสเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต
การจับคู่กับอาหาร
มิโสะ, โยเกิร์ต

4. ชาผลิตพิเศษ – ความหลากหลายของชาเขียวญี่ปุ่น

ชาผลิตพิเศษเป็น กลุ่มชาที่ใช้กระบวนการผลิตที่แตกต่างจากชาเขียวทั่วไป เช่น มัทฉะ ที่ใช้การบดใบชาให้เป็นผงละเอียด หรือ ชาน้ำเย็น ที่ใช้กระบวนการสกัดเย็นเพื่อดึงความหวานของชาออกมา ชาประเภทนี้มีความหลากหลายในการบริโภค และสามารถเพลิดเพลินได้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน

มัทฉะมักใช้ในพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันยังนิยมใช้ในของหวานและเครื่องดื่มอีกด้วย ในขณะที่ชาน้ำเย็นได้รับความนิยมในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากให้รสชาติที่สดชื่นและหวานโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล

รายการชาผลิตพิเศษ
ประเภทแหล่งผลิตหลักลักษณะเด่นอุณหภูมิที่เหมาะสม
มัทฉะเกียวโต (อุจิ), ไอจิ (นิชิโอะ)รสอูมามิเข้มข้น บดด้วยโม่หิน80°C (ตีฟอง)
ชาผงทั่วประเทศบดจากเซ็นฉะ ใช้ชงสะดวกละลายในน้ำร้อนหรือน้ำเย็น
ชาน้ำเย็นทั่วประเทศสกัดด้วยน้ำเย็น ทำให้รสหวานเด่นแช่ในน้ำเย็นเป็นเวลานาน

มัทฉะ (抹茶)

มัทฉะ

มัทฉะเป็นชาเขียวที่ บดเป็นผงละเอียด โดยใช้วิธีการปลูกแบบเดียวกับเกียวคุโระ ทำให้มี รสอูมามิเข้มข้นและกลิ่นหอมลึก

กระบวนการผลิต
ปลูกโดย ให้ต้นชาอยู่ในที่ร่มก่อนเก็บเกี่ยว เพื่อลดปริมาณคาเทชินและเพิ่มธีอะนีน จากนั้นนำใบชาไปอบแห้งและบดด้วยโม่หินจนได้ผงชาเนื้อละเอียด
แหล่งผลิตหลัก
เกียวโต (อุจิ), ไอจิ (นิชิโอะ)
รสชาติและกลิ่น
รสอูมามิเข้มข้น หวาน กลิ่นหอมสดชื่น มีฟองครีมเนียนละเอียด
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
อุดมไปด้วยธีอะนีนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย มีคาเทชินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
เคล็ดลับในการชง
ใช้น้ำอุณหภูมิ 80°C แล้วตีฟองด้วย ฉะเซ็น (แปรงตีชาแบบไม้ไผ่) เพื่อให้ได้เนื้อชาที่เนียนละเอียด
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มคู่กับ ขนมญี่ปุ่น เช่น โยกัง และโมจิ หรือทำเป็น มัทฉะลาเต้
การจับคู่กับอาหาร
ขนมญี่ปุ่น (โยกัง, โมจิ), ขนมมัทฉะ (เค้กมัทฉะ, ช็อกโกแลตมัทฉะ)

ชาผง (粉末茶)

ชาผง

ชาผงเป็นชาเขียวที่บดจากเซ็นฉะ ให้สามารถละลายในน้ำได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มชาอย่างสะดวก

กระบวนการผลิต
นำใบชาเซ็นฉะมา บดเป็นผงละเอียด ทำให้สามารถละลายในน้ำได้โดยไม่ต้องกรอง
แหล่งผลิตหลัก
ทั่วประเทศ
รสชาติและกลิ่น
รสฝาดเล็กน้อยจากเซ็นฉะ ละลายง่าย
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
มีคาเทชินสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และสามารถบริโภคใบชาทั้งหมด
เคล็ดลับในการชง
เพียงแค่ ละลายในน้ำร้อนหรือน้ำเย็น และคนให้เข้ากัน
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มใน ช่วงเวลาเร่งรีบ หรือใช้ทำเป็นเครื่องดื่มเย็น
การจับคู่กับอาหาร
ขนมญี่ปุ่น (เซ็มเบ้, โมะนะกะ), อาหารทั่วไป (ข้าวปั้น, ปลาย่าง)

ชาน้ำเย็น (水出し茶)

ชาน้ำเย็น แหล่งที่มา: Ochanoseikoen Tea (คุมาโมโตะ)

ชาน้ำเย็นเป็น วิธีการชงชาโดยใช้น้ำเย็น ซึ่งช่วยลดปริมาณคาเทชินและดึงรสชาติหวานของชาออกมา

กระบวนการผลิต
ใช้ชาเขียวเช่นเซ็นฉะหรือเกียวคุโระ แช่ในน้ำเย็นเป็นเวลานาน เพื่อให้สารสกัดออกมาช้าๆ
แหล่งผลิตหลัก
ทั่วประเทศ
รสชาติและกลิ่น
รสหวานสดชื่น ฝาดน้อย กลิ่นหอมอ่อนๆ
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
มีธีอะนีนสูง ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และคาเฟอีนน้อยกว่าชาร้อน
เคล็ดลับในการชง
แช่ชาในน้ำเย็นเป็นเวลา 4–6 ชั่วโมง หรือใช้น้ำแข็งละลายช้าๆ เพื่อให้ได้รสหวานที่ดีที่สุด
วิธีดื่มที่แนะนำ
เหมาะสำหรับดื่มในฤดูร้อน สามารถเติมผลไม้สด เช่น เลมอน หรือเบอร์รี่ เพื่อเพิ่มรสชาติ
การจับคู่กับอาหาร
ขนมญี่ปุ่นฤดูร้อน (มิตาราชิดังโงะ, วาราบิโมจิ), ผลไม้สด (ส้ม, ลูกพีช)

ทำไมอุณหภูมิที่เหมาะสมจึงแตกต่างกันสำหรับชาประเภทต่างๆ?

ไร่ชา

สาเหตุที่ชาแต่ละประเภทต้องใช้ อุณหภูมิที่แตกต่างกันในการชง นั้น เกิดจาก องค์ประกอบทางเคมีของใบชา ซึ่งมีผลต่อรสชาติและกลิ่นของชา

อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการชงชาแต่ละประเภท
ประเภทชาอุณหภูมิการชงเหตุผล
เกียวคุโระ / เซ็นฉะคุณภาพสูงต่ำ (50–60°C)เพื่อดึงรสอูมามิ (ธีอะนีน) ออกมาให้มากที่สุด
เซ็นฉะ / ฟุคะมุชิเซ็นฉะปานกลาง (70–80°C)เพื่อให้สมดุลระหว่างรสฝาดและรสอูมามิ
บันฉะ / โฮจิฉะสูง (90°C ขึ้นไป)เพื่อดึงกลิ่นคั่วและรสฝาดออกมา
ชาน้ำเย็นใช้น้ำเย็นสกัดนานช่วยลดคาเฟอีนและดึงรสหวานของชาออกมา

ความแตกต่างของอุณหภูมิในการชงชามีผลต่อรสชาติอย่างไร?

  1. ธีอะนีนและคาเทชินมีจุดสกัดที่แตกต่างกัน
    • ธีอะนีน (รสอูมามิ) จะละลายในอุณหภูมิต่ำ (20–70°C)
    • คาเทชิน (รสฝาด) จะละลายในอุณหภูมิสูง (80°C ขึ้นไป)
    • คาเฟอีน (รสขม) จะละลายได้เร็วในอุณหภูมิสูง (~90°C) แต่ในน้ำเย็นจะละลายช้าลง
  2. ชาน้ำเย็นให้รสชาติที่หวานและกลมกล่อมขึ้น
    • การสกัดชาในอุณหภูมิต่ำช่วยลดปริมาณคาเทชิน ทำให้ชา มีรสหวานโดยธรรมชาติ
    • คาเฟอีนในชาน้ำเย็นจะละลายน้อยกว่าการชงร้อน ทำให้ชาไม่ขม
  3. การชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
    • วิธีการชงเกียวคุโระที่ใช้อุณหภูมิต่ำได้รับการพัฒนามาหลายร้อยปี เพื่อดึงรสอูมามิออกมาให้ได้มากที่สุด
    • การใช้ความร้อนสูงกับโฮจิฉะช่วยเพิ่มกลิ่นคั่วให้โดดเด่น และทำให้คาเฟอีนลดลง

สิ่งเหล่านี้ได้รับการวิจัยและยืนยันโดยนักวิทยาศาสตร์ รวมถึงสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลต่อไปนี้:

ดังนั้น เกียวคุโระและเซ็นฉะควรชงที่อุณหภูมิต่ำ เพื่อให้ได้รสอูมามิที่กลมกล่อม ในขณะที่ชาอย่างโฮจิฉะเหมาะสำหรับชงด้วยน้ำเดือดเพื่อให้ได้กลิ่นหอมของการคั่ว ส่วนชาน้ำเย็นนั้นสามารถช่วยให้รสชาติของชาหวานขึ้นโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล

ไม่ว่าจะเป็นวิธีดั้งเดิมหรือการทดลองใหม่ๆ ศิลปะการชงชาเป็นศาสตร์ที่มีรากฐานจากทั้งประเพณีและวิทยาศาสตร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของคนญี่ปุ่นที่มีต่อการดื่มชา

เลือกชาที่เหมาะกับคุณตามโอกาสและอารมณ์

ชาเขียวญี่ปุ่น

ชาเขียวญี่ปุ่นมีความหลากหลาย ไม่เพียงแต่ชาเขียวทั่วไป แต่ยังมี ชาหมัก และชาที่ผลิตด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเลือกดื่มได้ตามโอกาสและอารมณ์ที่ต้องการ

  • ต้องการ รสอูมามิเข้มข้น → เกียวคุโระ หรือ มัทฉะ
  • ต้องการ รสสดชื่นและสมดุล → เซ็นฉะ หรือ คะมาอิริฉะ
  • ต้องการ กลิ่นหอมคั่ว → โฮจิฉะ หรือ เคียวบันฉะ
  • ต้องการ รสเปรี้ยวที่เกิดจากการหมัก → อะวะบันฉะ หรือ โกะอิชิฉะ
  • ต้องการ ชาเย็นที่ให้ความสดชื่น → ชาน้ำเย็น

นอกจากนี้ ชาเขียวญี่ปุ่นยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากมีธีอะนีนที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และคาเทชินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาเขียวเป็นประจำสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพและความงามในชีวิตประจำวันได้

ปัจจุบันมี ร้านชาญี่ปุ่นและคาเฟ่ชาเขียว มากมายที่ให้คุณได้ลิ้มลองชาเขียวญี่ปุ่นหลายประเภท คุณสามารถเริ่มจากชาชนิดที่คุณสนใจ และค่อยๆ ค้นหาชาที่เหมาะกับตัวเอง

ค้นพบเสน่ห์ของชาเขียวญี่ปุ่น และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งชาในชีวิตประจำวันของคุณ!

ชาเขียวญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาโดยตลอด ตั้งแต่พิธีชงชาแบบดั้งเดิม ไปจนถึงการดื่มชาในชีวิตประจำวัน ความหลากหลายของชาเขียวทำให้สามารถเลือกดื่มได้ตามรสนิยมและสไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคน

หากคุณยังไม่เคยลองดื่มชาเขียวญี่ปุ่นมาก่อน ขอแนะนำให้เริ่มจากเซ็นฉะหรือโฮจิฉะ ซึ่งเป็นชาที่ดื่มง่าย และค่อยๆ ทดลองชาประเภทอื่นๆ เพื่อค้นหาชาที่เหมาะกับคุณมากที่สุด

ชาเขียวญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องดื่ม แต่ยังเป็น สัญลักษณ์ของความสงบและการใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ว่าคุณจะดื่มชาเขียวเพื่อผ่อนคลาย หรือเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ลองค้นหาชาที่คุณชอบ และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาพิเศษไปกับชาเขียวญี่ปุ่นกันเถอะ!

ชาเขียวและดอกซากุระ

คุณอาจต้องการอ่าน: